วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

ของขวัญที่มีค่าที่สุดในโลก คือ "อิสรภาพ" (ตอนที่ 3)

เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ 2 ตอนครับ ตอนที่ 2 ได้ทิ้งท้ายไว้ว่ามันยังไม่น่าจบ....วันนี้ก็เลยขอเล่าต่อ

กลับไปอ่านสองตอนแรกก่อนสำหรับท่านที่ยังไม่อ่าน (หรืออยากอ่านทบทวน)

ของขวัญที่มีค่าที่สุดในโลก คือ "อิสรภาพ" (ตอนแรก)
ของขวัญที่มีค่าที่สุดในโลก คือ "อิสรภาพ" (ตอนที่ 2)


"ในบทความเรื่องนี้ตอนแรก ผมได้ตั้งคำถามไว้ว่า....
เราจะทำอย่างไรดี ที่จะดูแลคนที่เรารักไม่ให้ออกนอกเส้นทาง คำตอบก็คือคำถามที่ว่า เส้นทางของใครล่ะ....ของเขาหรือของเรา?"

ก็ในเมื่อเรามีปัญหาอยู่ว่า คนรอบ ๆ ข้างของเรานั้น ทำนู่นทำนี่ไม่ได้อย่างใจ ชวนหงุดหงิด แล้วผมจะบอกให้ปล่อยให้เขาทำอะไรก็ได้ตามที่ "จิตอิสระ" ของพวกเขาจะบงการ อย่างนั้นหรือ?

คำตอบคือ "ใช่แล้ว" ....สิ่งที่ตามมาถ้ามันเป็นปัญหา ไม่ใช่จะถามว่า "แล้วจะต้องทำอย่างไร?" แต่มันจะต้องเป็นว่า "แล้วจะต้องคิดอย่างไร?" ต่างหาก

ยกตัวอย่างเลยละกัน....สมมติยกเรื่องสามีภรรยา

ประเด็น สามี/ภรรยา ไม่ได้อย่างใจ

ผมว่าวิธีคิดคือเราต้องเข้าใจเรื่องสิทธิ และหน้าที่....พระพุทธเจ้าสอนไว้ครับว่า หน้าที่ของสามีคือ

1. ยกย่องให้เกียรติสมกับฐานะที่เป็นภรรยา
2. ไม่ดูหมิ่น
3. ไม่ประพฤตินอกใจ
4. มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้านให้
5. หาเครื่องประดับมาให้เป็นของขวัญตามโอกาส

ส่วนหน้าที่ของภรรยา ก็คือ

1. ยกย่องให้เกียรติสมกับฐานะที่เป็นภรรยา
2. สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี
3. ไม่นอกใจสามี
4. รักษาทรัพย์สมบัติที่สามีหาได้มา
5. ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง

และผมก็เชื่อว่าทุก ๆ ศาสนา ก็มีคำสอนถึงหน้าที่ของ สามี/ภรรยา ไว้เช่นกัน

ในกรณีของผม ผม "เชื่อ" ว่าผมมีความสามารถพอที่จะ "เลือกภรรยา" ที่สามารถทำหน้าที่ได้ครบถ้วน (ซึ่งถ้าหากว่า ผมได้ภรรยาที่บกพร่องหน้าที่ ผมก็คงไม่อาจโทษภรรยาได้ ต้องโทษตัวเองที่ไร้ความสามารถที่จะเลือกภรรยาที่ดีได้ต่างหาก)

แล้วผมก็จะทำหน้าที่ของสามีให้เต็ม 100% แถมให้ด้วยการถือศีล และละเว้นอบายมุขทั้งปวง (ศีล คือรั้วป้องกันวิบากกรรม ละอบายมุข คือปิดเส้นทางตกต่ำล่มจม) จากนั้นด้วย "ศรัทธา" ใน กฎของจักรวาลคือ ทำดีต้องได้ดี ดังนั้นครอบครัวของเราต้องดีแน่นอน

เพราะเหตุดีแล้ว ผลก็คือ ภรรยาต้องภูมิใจสามี, รู้สึกขอบคุณ, รู้สึกดีกับตัวเองที่เลือกสามีได้ดี ถ้าภรรยาผมเป็นคนที่ผม "เลือก" ได้ดีแล้ว เธอก็จะทำ "หน้าที่" ของเธอได้ครบถ้วนเพื่อตอบแทนบุญคุณของผมที่ทำหน้าที่ได้ดี...และเมื่อเธอทำ "หน้าที่" ได้ดีจนผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณภรรยา ผมก็ยิ่งต้องทำหน้าที่ให้ดีขึ้นไปอีกเพื่อตอบแทนบุญคุณภรรยาให้สมกับความดีของภรรยามากขึ้นไปอีก .... ในที่สุดก็คือ แม้ว่าเธอจะเป็นภรรยา แต่เธอก็ได้ครอบครองสมบัติอันล้ำค่าคือ  "อิสระภาพ" ที่ผมได้มอบให้ภรรยาของตัวเองไปตั้งแต่ต้นนั่นเอง

แต่ถ้าผมไม่ได้สนใจใน "หน้าที่" ของสามี แต่จะใช้ "สิทธิ" ความเป็นสามี แล้วก็คอยแต่ "ทวงสิทธิ" ให้ภรรยาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ให้ตัวเอง เช่น เธอต้องดูแลฉัน, เป็นคนปลดเปลื้องทางเพศของฉัน, ทำอาหารให้ฉัน, ทำงานบ้านให้ฉัน, ออกลูก และเลี้ยงลูกให้ฉัน, ไปหาเงินเพิ่มเข้าบ้าน, ห้ามแต่งตัวสวยล่อชายอื่น ฯลฯ สรุปคือ "ล่าม" ไว้ แล้วคอยแต่ "ระแวง" ว่าเธอจะไปมีคนอื่นหรือเปล่า? ทำนองนั้น....ถ้าเป็นแบบนี้ ก็นับเป็นโชคร้ายของฝ่ายภรรยา ในที่สุดครอบครัวก็พังทะลาย

สรุป คือผมเชื่อว่าผมมีความสามารถพอที่จะ "เลือก" ภรรยาดี ๆ ได้ และผมจะไม่ดูถูกตัวเองที่จะต้องไประแวงใด ๆ หรือคอย "ควบคุม" ความประพฤติใด ๆ ของภรรยา (เลือกมาดีแล้ว ก็ไว้วางใจให้อิสระภาพในการทำหน้าที่ของภรรยาไป)....สำหรับตัวเองก็มีศีล ละเว้นจากอบายมุข .....ต่อจากนั้นถ้ามันไม่ดี ก็ถือว่าเป็นวิบากที่เราเคยสร้างกรรมมาให้ต้องชดใช้กรรมกันไป

ไม่จบอีกแล้วครับ ตอนหน้าว่าด้วยเรื่อง "อิสรภาพที่เรามอบให้กับลูก" ครับ?

ลิ้งค์ไปอ่านตอนสุดท้ายครับ ตอนที่ 4 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น